์Nerf Hyperfire

Nerf Hyperfire

ในคราวนี้ผมจะมาเล่าเรื่องปืน Hyperfire ซึ่งเป็นปืนที่ Nerf บอกว่าเป็นปืนที่ยิงเร็วที่สุดของ Nerf (มีอีกปืนที่ยิงเร็วกว่าแต่เลิกผลิตไปแล้ว และต้องใช้มือปั๊มอากาศเข้าปืน) จริงๆ แล้วผมต้องเขียนปืน Thunderblast และ Slingfire ก่อนปืนนี้ แต่ผมเพิ่งจะได้ปืนนี้มาเลยรีบมาอธิบายปืนนี้ก่อนเพื่อนเลย เพราะว่าปืนเจ๋งมาก ก่อนหน้านี้ผมกับเพื่อนตื่นเต้นมากตั้งแต่ปืนนี้ออกมาที่ New York Toy Fair แต่พอปืนเข้ามาในไทย ปืนกลับแพงมาก ทำให้ผมกับเพื่อนไม่ได้ซื้อ ผ่านมาปีกว่าอาเอ็ดดี้ที่มาเที่ยวไทยได้ซื้อมาฝากผม



Nerf Hyperfire เป็นปืนไฟฟ้าแบบ Full-Auto (กดไกค้างแล้วจะยิงรัว) ปืนนี้ใช้ถ่านไซส์ D 4 ก้อน ซึ่งถือว่าปกติสำหรับปืน Full-Auto ทั่วไปของ Nerf แต่ราคาถ่าน D ก็ค่อนข้างจะสูง ผมจึงแนะนำให้ใช้ Adaptor D ซึ่งจะเปลี่ยนถ่าน AA เป็นถ่าน D และถ่าน AA ผมจะใช้เป็นถ่านชาร์จ ถึงแม้ถ่านชาร์จจะแพงแต่ในระยะยาวจะคุ้มกว่า




         Nerf Hyperfire เริ่มวางขายในปี 2016 โดยออกมาพร้อมกับ Nerf ใหม่ต่างๆ เช่น Modulus Tri-Strike และ Nerf Mega Mastodon ปืน Hyperfire นั้นมีสีแบบเดียวคือสีน้ำเงิน ส้ม เทา ดำ และขาว บนกล่องของ Hyperfire นั้น Nerf เขียนไว้ว่า Hyperfire สามารถยิงได้ 5 กระสุนต่อวินาที ซึ่งเป็นปืนที่ยิงเร็วที่สุดตอนนี้






         ตัวปืน Hyperfire จะมากับอุปกรณ์อีก 2 ชิ้น รวมแล้วเป็น 3 ชิ้น ชิ้นแรกก็คือตัวปืน Hyperfire บริเวณพานท้ายปืนจะสามารถใส่ถ่าน D ได้ 4 ก้อน เมื่อใส่ถ่านแล้วตัวปืนจะหนักไปทางด้านหลังมาก นอกจากนั้นบนตัวปืนยังมีที่สำหรับเกี่ยวสลิงได้ 4 ที่ ด้านหน้า 2 ที่ และด้านหลัง2 ที่ แต่บนปืนนี้มีรางสำหรับใส่อุปกรณ์แค่เพียง 1 รางด้านบน และไม่สามารถต่อพานท้ายปืนหรือลำกล้องเพิ่มเข้าไปได้ ทำให้สามารถใส่ได้แค่ Scope อย่างเดียว บริเวณที่จับของปืนจะมีไกปืนและปุ่มอีก 2 ปุ่ม โดยไกของ Hyperfire จะเป็นสวิตช์เปิดของสายพานที่ดันกระสุน และปุ่มที่อยู่ใต้ไกจะเป็นสวิตช์เปิดมอเตอร์ 2 ตัวที่ทำหน้าที่ยิงกระสุน และปุ่มสุดท้ายที่อยู่ตรงข้ามของไก จะเป็นปุ่มที่กดเพื่อแม็กกาซีนออก อีกส่วนที่สำคัญคือ Jam Door ที่อยู่ด้านบนของปืนนี้ โดยบน Jam Door จะมีที่ล็อกเล็กๆ อยู่ เนื่องจากถ้าเปิด Jam Door นี้ ปืนจะไม่สามารถยิงได้ เพราะ Hyperfire ดันลูกไปเข้ามอเตอร์ด้วยวิธีที่ต่างไปจากปืนไฟฟ้าอันอื่น โดยปืนปกติจะมีแท่งมาดันกระสุน แต่ปืนนี้มีสายพานอยู่ด้านบนคอยดันกระสุนเข้ามอเตอร์




         อุปกรณ์ชิ้นที่ 2 คือ แม็กกาซีน 25 กระสุน หรือ 25 Round Drum โดยแม็กกาซีนนี้คล้ายกับแม็กกาซีนของ Rampage มาก ต่างกันแค่สีนิดหน่อย ตรงที่ด้านหน้าของแม็กกาซีน Rampage เป็นสีเทาและดำ แต่ของ Hyperfire เป็นสีส้มและดำ แม็กกาซีน 25 กระสุนเป็นแม็กกาซีนที่จุมากที่สุดที่ยังผลิตอยู่ (ก่อนหน้านี้มีแม็กกาซีน 35 กระสุนแต่เลิกผลิตแล้ว)




ของอย่างสุดท้ายที่มากับปืนนี้ก็คือ กระสุน Elite สีน้ำเงิน 25 กระสุน กระสุนแบบนี้เป็นกระสุนทั่วไปที่ปืน Nerf ส่วนใหญ่สามารถใช้ด้วยได้ กระสุนแบบนี้จะมีหัวทำจากยางสีส้ม และกลวงด้านใน เวลาโดนยิงใส่จะไม่เจ็บเท่าไหร่




ข้อดีของ Hyperfire คือยิงเร็วมากๆ มีความสม่ำเสมอในการยิง และมีโอกาส Jam น้อยมาก นอกจากนั้นยังยิงแรงพอสมควร แต่ของ Hyperfire นั้นก็คือเปลืองกระสุนมาก อาจจะหนักเกินสำหรับเด็กเล็ก และสามารถประกอบอุปกรณ์เข้าไปได้น้อย ซึ่งสำหรับคนชอบปืนรุ่น Modulus ไม่ชอบ




         เวลาผมเล่น Nerf War ปืนนี้จะเป็นอันดับต้นๆ ที่ผมจะเลือกใช้ เพราะสามารถยิงได้เร็วและต่อเนื่อง นอกจากนั้น Hyperfire ยังไม่ค่อย Jam ส่วนปัญหาที่กระสุนหมดง่ายก็สามารถแก้ได้ด้วยการยิงทีละน้อย และพกแม็กกาซีนไปด้วยเยอะๆ อีกสิ่งที่ทำให้ผมชอบใช้ปืนนี้ใน Nerf War ก็คือปืนนี้เป็น Fly Wheel




         สรุปของปืนนี้คือเป็นปืนที่ควรซื้อมาก เพราะได้ทั้งกระสุน Elite 25 กระสุน และ 25 Round Drum และตัวปืนที่ดีสุดๆ ถึงแม้ปืนจะหนักและมีราคาสูง (3250 บาทที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไป และอาจต่ำกว่าบน Online Shop) ถ้าคุณเพิ่งเริ่มจะเล่น Nerf คุณควรซื้อปืนนี้เป็นปืนแรกๆ เลย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม